ความพ่ายแพ้ของผู้นำในสามก๊ก : อ้วนเสี้ยวกับการทำงานไม่เป็นทีม

บทที่ 26
การทำงานไม่เป็นทีมของอ้วนเสี้ยว
ผลลัพธ์ของทีมงานเก่งแต่หัวโต๊ะห่วย

ปัญหาปวดศีรษะของอ้วนเสี้ยว
ประการหนึ่งที่กุยแก ทีปรึกษาของโจโฉกล่าวคือ
ทีมงานของอ้วนเสี้ยวไม่ค่อยสมานฉันท์
ซึ่งเหล่าเสนาธิการของอ้วนเสี้ยวส่วนใหญ่เป็นปราชญ์ที่มีความรู้ความสามารถ
หรือมีอัตตา อีโก้ ค่อนข้างสูง

ผมยกตัวอย่างแค่กรณีการหารื
เพื่อเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่และเตรียมเปิดศึกกับโจโฉ



เตียนห้อง ที่ปรึกษาอ้วนเสี้ยว แสดงความเห็นว่า "ไม่เห็นด้วยเพราะกองทัพอ้วนเสี้ยวทำศึกทุกปี
เสบียงอาหารก็เหลือน้อย ควรจะถวายฎีกาถึงพระเจ้าเหี
้ยนเต้ให้ทรงห้ามโจโฉทำศึกกับเรา
หากโจโฉไม่ทำตามรับสั่งเราค
่อยหาข้ออ้าง ระดมขุนศึกทั้งแผ่นดินถล่มมัน
ไม่เกิน 3 ปีการใหญ่ย่อมสำเร็จ"


สิมโพย ที่ปรึกษาได้ฟังเช่นนั้นกลับมองอีกมุมว่า
"เราไม่ควรช้า ควรเร่งเผด็จศึก
ทหารเรารบทุกปี ย่อมเจนจัดการศึก
ไม่จำเป็นต้องรอก็พลิกฝ่ามือพิชิตโจโฉได้สำเร็จ"

ชีสิวที่ปรึกษาอีกคนฟังก็ส่ายหน้าแล้วบอกว่า
"อันการสงครามหาใช่ใช้แต่กำลัง
ที่เจอหน้าก็ขวิด ทัพโจโฉวินัยเข้มงวด
ทั้งตัวโจโฉก็ชำนาญการศึก
ผิดกับกองซุนจ้านที่เราเพิ่งชนะมา
ที่สำคัญการรบโดยไม่กราบทูลนั้นผิดธรรมเนียม
การรบโดยปราศจากเหตุผลย่อมผิดคุณธรรม"

กัวเต๋า ที่ปรึกษาอีกคนได้ฟังก็พูดด้วยเสียงอันดังว่า
"ทำอย่างท่านว่าก็ไม่ถูก
คนทั้งปวงก็รู้สันดานไอ้โจรถ่อย
เราไม่ต้องหาเหตุอ้างคนทั้งแผ่นดินก็รู้แล้วว่าเราเป็นกองทัพธรรม
นายท่านเคลื่อนทัพร่วมกับพระเจ้าอา
ทำลายรัฐบาลโจโฉ ถึงจะถูก
ประชาชนถึงจะสนับสนุน"

ทั้งปะทะคารมอย่างไม่ยั้งไมตรี
ชนิดที่หัวโต๊ะแทบคุมเกมไม่อยู่
พอเขาฮิวและซุนขาม 2ที่ปรึกษามาถึง
อ้วนเสี้ยวที่ยังโลเลตัดสินใจไม่ได้จึงถามที่ปรึกษาทั้งสอง
เขาฮิวและซุนขาม ตอบว่า
"เราควรช่วยเล่าปี่ พิทักษ์ธรรม
ใช้น้อยช่วยมากคือช่วยคนอ่อนแอ
กวาดล้างศัตรูราชสมบัติเป็นหน้าที่ผู้ทรงธรรม"

อ้วนเสี้ยวทุบโต๊ะตัดสินใจจับมือกับเล่าปี่
ประกาศสงครามกับโจโฉ

คุณผู้อ่านเห็นอะไรบางอย่างในเรื่องนี้ไหมครับ
ส่วนตัวแล้วผมเห็นการระดมคว
ามคิด
การทำงานกันเป็นทีมของเหล่า
ที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยว
ทีต่างคนต่างทุ่มเถียงกันแบ
บไม่มีใครยอมใคร
เรียกว่าแสดงมุมมองอย่างเต็
มที่

หากองค์กรของคุณเป็นแบบนี้
คุณคิดว่าดีไหม
ที่ต่างกันต่างแสดงความเห็นกันเต็มที่
ไม่ต้องไว้หน้าใคร ไม่ต้องเกรงใจ
และนี่คือวัฒนธรรมองค์กรของอ้วนเสี้ยว

วัฒนธรรมแบบนี้สะท้อน
ภาวะผู้นำของอ้วนเสี้ยวได้ 2 มุมคือ
1.อ้วนเสี้ยวเป็นเปิดกว้างรับทุกความเห็น
2.อ้วนเสี้ยวโลเล จึงตัดสินใจชี้ขาดไม่ได้

สำหรับผมโดยส่วนตัวผมชอบวัฒนธรรมแบบนี้ครับ
เพราะเปิดกว้างแสดงความเห็น
มันทำให้เรามองเห็นได้ทุกแง่มุม

ที่สำคัญการได้แสดงความเห็น
ทำให้พนักงานรู้สึกถึงการมี
ส่วนร่วมในการทำงาน
ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองม
ีคุณค่า
ที่สำคัญเป็นการพัฒนาศักยภา
พของทุกคนที่ต้องคิดอยู่ตลอ

ทว่าภายใต้กกระบวนการแบบนี้
ผู้ที่นั่งหัวโต๊ะจะต้องคุมเกมการประชุมได้
เพราะหากปล่อยไปตามสถานการณ
ธรรมชาติของคนเก่งจะไม่ยอมกัน
ทำให้การแสดงความเห็นเลยเถิดไปไกล
ซึ่งอ้วนเสี้ยวก็เป็นคนประเภทนั้นพอดี

ทำให้การประชุมของเหล่าที่ปรึกษา
แทบจะเป็นเวทีมวยราชดำเนิน
ผู้นำอย่างแบบนี้มีเยอะครับ
รับฟังทุกความเห็น
ฟังมากจนคิดไม่ทัน
ตัดสินใจไม่ถูก
หาข้อสรุปไม่ได้
พอหนักเข้าก็ทุบโต๊ะยุติการประชุม

แล้วบอกว่าพรุ่งนี้ประชุมใหม่
เนื่องจากประเด็นไม่คืบ
ทั้งที่ความจริงประเด็นจะคื
บหรือไม่
ส่วนสำคัญมาจากหัวโต๊ะ
หากคุมประเด็นให้ดี ทำไมมันจะไม่คืบ


ผู้นำแบบนี้มักจะสร้างความปวดศีรษะแก่ลูกน้อง
เพราะมันไม่ใช่แค่ที่ประชุม
แต่ยังเป็นคนประเภทโลเล เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
วันนี้สั่งอย่าง
พรุ่งนี้เปลี่ยนใหม่
มะรืนเอาขึ้นมาปัดฝุ่น

หัวหน้างานใครเป็นแบบนี้
ลูกน้องต้องทำใจนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก อ.เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป ผู้เชี่ยวชาญสามก๊ก