ความพ่ายแพ้ของผู้นำในสามก๊ก : ความย่อยยับของโจโฉ

บทเรียนความพ่ายแพ้ของผู้นำในสามก๊ก

บทที่ 1
ความย่อยยับของโจโฉเมื่อยกทัพตามตีตั๋งโต๊ะ
บทเรียนผู้นำที่เห็นแต่โอกาสจนลืมความเสี่ยง


ในศึก 18 หัวเมืองโค่นทรราชย์ตั๋งโต๊ะ ภายใต้การนำของอ้วนเสี้ยว แม่ทัพใหญ่ค่ายพันธมิตร18 หัวเมือง
สามารถสร้างแรงกดดันให้ตั๋งโต๊ะจำเป็นต้องใช้ทางเลือกที่ 3 คือ "ย้ายเมืองหลวง" จากลกเอี๋ยงไปสู่เตียงอั๋น เพื่อตั้งหลักใหม่

โจโฉทราบข่าวการเคลื่อนทัพของตั๋งโต๊ะ จึงเร่งให้เปิดประชุมแม่ทัพนายกอง เพื่อขอมติยกทัพไล่ตีตั๋งโต๊ะให้สิ้นซาก

ทว่าอ้วนเสี้ยวกลับค้านแล้วบอกว่า
"ไม่เอาน่า กว่าเราจะยึดพระนครลกเอี๋ยงก็เหนื่อยกันมามาก"
โจโฉมองหน้าเหล่าขุนศึกแม่ทัพนายกองแล้วบอกว่า
"เฮ้ย เป้าหมายเราคือฟื้นฟูฮั่น ไม่ใช่ยึดพระนครที่เหลือแต่ตอ"
(ก่อนย้ายเมืองหลวงตั๋งโต๊ะสั่งเผาพระนคร เพื่อไม่ให้เป็นฐานกำลังของกองทัพ 18 หัวเมือง)

เหล่าแม่ทัพนายกองทุกคนกลับนิ่ง ยิ่งทำให้โจโฉเดือดดาลมากขึ้นถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ตะโกนออกไปว่า
"คิดการกับเด็กเลี้ยงวัว มันไม่ได้เรื่องสักคนเดียว"
แล้วรีบออกไปจัดทัพของตนเองประมาณหมื่นคน เร่งยกทัพติดตามกองทัพตั๋งโต๊ะ

ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็เจอกองทัพลิโป้ดักสกัด แต่ขณะนั้นโจโฉกำลังโกรธ จึงเห็นเสือกลายเป็นแมว
จึงสั่งลุยทันที สักพักก็มีกองทัพจากทางซ้ายเข้าตี
โจโฉสั่งตั้งรับด้านซ้าย เวลาผ่านไปไม่นานก็มีกอง
ทัพด้านขวาออกมาตีกระหนาบ

เป็นอันว่าโจโฉถูกกระหนาบจาก 3 ทิศ ทำให้พ่ายแพ้ยับเยิน แม้จะพาทหารบางส่วนหนีมาได้ มีโอกาสได้พักหายใจ และเตรียมหุงข้าวหาเสบียง

จู่ ๆ ก็มีอีกกองทัพหนึ่งยกทัพเข้าอย่างรวดเร็ว จนโจโฉตั้งตัวไม่ทัน กองทัพที่เหลือจึงทอดกาย กลายเป็นศพ โจโฉหนีเอาตัวรอดมาได้ และได้รับความช่วยเหลือจากโจหยิน ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง พาว่ายน้ำข้ามฝั่งมาในสภาพบาดเจ็บหนักทั้งคู่ แต่โชคดีได้มาพบกับแฮหัวตุ้น ทหารเอกของตนเอง จึงรวมกำลังทหารที่เหลือกลับมาเพียงไม่กี่พันคน กลับไปยังค่ายกองทัพ 18 หัวเมือง

เรื่องราวในตอนนี้ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดี สำหรับหลายคน ๆ ที่ชอบมองแต่โอกาส ไม่เคยวิเคราะห์ความเสี่ยง เพราะหากคุณจับจ้องแต่โอกาส จนลืมสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยง โอกาสดังกล่าวจะกลายเป็นวิกฤต
โดยที่คุณไม่รู้ตัว แม่ทัพที่กล้าไม่ใช่แม่ทัพที่บ้าบิ่น

แต่เป็นแม่ทัพที่ต้องสุขุม ลุ่มลึก วางแผนการอย่างรอบคอบ ก่อนออกศึก

ผู้นำยุคนี้ส่วนมากชอบมองไปที่โอกาส อยากประสบความสำเร็จเร็ว จนลืมความเสี่ยงและแนวคิดที่ว่า "ยิ่งเร็ว ก็ยิ่งแรง" สำเร็จเร็วเพราะออกตัวแรง แต่ลืมคิดไปว่าถนนมันไม่ได้เป็นเส้นตรงทุกเส้น โดยเฉพาะถนนชีวิต หากออกตัวแรง อาจแหกโค้งตั้งแต่ยกแรก

ฉะนั้นการเป็นผู้นำต้องมองให้ออกว่า ในโอกาสย่อมมีความเสี่ยง หากรับความเสี่ยงได้ก็ดำเนินการเถอะครับ แต่ถ้าความเสี่ยงสูงจนยากจะรับได้ บอกได้คำเดียวเลยว่า "ถอยดีกว่าครับ"

ขอบคุณข้อมูลจาก อ.เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป ผู้เชี่ยวชาญสามก๊ก