ความพ่ายแพ้ของผู้นำในสามก๊ก : ตังสิน กบฎผู้ไร้เดียงสา

บทที่ 21
ตังสิน กบฎผู้ไร้เดียงสา
อุทาหรณ์ผู้นำทำการใหญ่แต่ใ
จไม่ถึง
 
ในสมัยที่โจโฉเป็นนายกฯในรัชสมัยของพระเจ้าเหี้ยนเต้
เกิดกบฎ 2 ครั้งที่มาจากขุนนางในราชสำนัก
และไม่ใช่กบฎธรรมดา หากแต่เป็นกบฎล้มรัฐบาลที่ฮ่องเต้ให้การสนับสนุน
โดยเฉพาะกรณีกบฎตังสิน

ตังสินคือพี่ของสนมเอกตังกุยหุย มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพรถศึก
และเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักฮั่น
วันหนึ่งเขาได้รับพระบรมราชโองการโลหิตของพระเจ้าเหี้ยนเต้
ที่ระบายความทุกข์อันเกิดจากหมิ่นพระเกียรติของนายกรัฐมนตรีของพระองค์





ตังสินในฐานะขุนนางผู้ภักดีจึงสนองพระบรมราชโองการ
ด้วยการรวมขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคน
ซึ่งหนึ่งในคณะปฎิวัติมีสมเด็จพระเจ้าอาเล่าปี่
ม้าเท้ง เจ้าเมืองเสเหลียง
เกียดเป๋ง แพทย์ประจำตัวนายกโจโฉ

ทว่าความผิดพลาดของคณะรัฐปฎิวัติไร้เดียงสานี้คือ
การให้ทุกคนลงนามเป็นลายอักษรว่าจะปฎิวัติร่วมกัน
ม้าเท้ง ต้องกลับไปประจำหัวเมือง
เล่าปี่ ต้องออกไปปราบกบฎอ้วนสุด
ก่อนเล่าปี่จะเคลื่อนทัพก็ได้กำชับตังสินว่า
ทำการใหญ่ต้องใจเย็น อย่ารีบ
สถานการณ์พร้อมเมื่อไหร่ค่อยดำเนินการ

นับจากวันนั้นตังสินก็เป็นกังวล
แต่เรื่องปฎิวัติจะกินนอนก็ไม่เป็นสุข
จนวันหนึ่งหมอเกียดเป๋งแพทย์ประจำตัวนายกฯ
มาเยี่ยมตังสิน ช่วงที่ตังสินนอนกลางวัน
และละเมออกมาว่ากำจัดโจโฉได้แล้ว
จึงสะดุ้งตื่นก็เห็นเกียดเป๋ง

แพทย์ประจำตัวนายกฯจึงรู้ว่
ตังสินเป็นไข้ใจและอาสาจะลอบสังหารนายกฯด้วยการวางยาพิ
ทว่าข่าวเรื่องนี้กลับรั่ว
โจโฉจึงกุมตัวเหล่าขุนนางที่ร่วมก่อการ
ยิ่งได้ลายชื่อเหล่าขุนนางที่ร่วมลงนาม
ก็ยิ่งเป็นหลักฐานมัดตัว นำไปสู่การประหารล้างโคตร
รวมไปถึงนางตังกุยหุยด้วย

คุณผู้อ่านครับ
เวลาจะปฎิวัติไม่จำเป็นต้องลงนามร่วมกันก็ได้
แต่เพราะตังสินเขาเป็นผู้นำเฉพาะกิจ
ไม่ได้เป็นผู้นำมืออาชีพ
ทำให้มีความกลัวในทุกเรื่อง
การลงนามร่วมกันหากมองให้ดีคือ
ตังสินไม่ไว้ใจใครในกลุ่ม
กลัวจะมีการทรยศหักหลัง

แต่ลืมคิดอีกมุมหนึ่งถ้าถูกกุมตัว
โจโฉก็กวาดฆ่าล้างโคตรจนหมดสิ้น
ไม่เหลือผู้สืบทอดอุดมการณ์ต่อ

ถ้าจะทำการใหญ่ขนาดนี้ยังไม่กล้าไว้วางใจกัน
ถึงขนาดต้องมาลงนามร่วมกัน
เช่นนั้นแล้วอย่าทำจะดีกว่า
ของแบบนี้ต้องอาศัยความเชื่อใจ ไว้ใจและวางใจกัน

ไม่วางใจยังไม่พอ
ตังสินก็ยังเล่นละครไม่เก่ง
เหมือนเล่าปี่ที่ทำทุกอย่างแนบเนียนจนโจโฉเชื่อใจ
จนสามารถคุมกองทัพหลายหมื่นในการปราบอ้วนสุด

ที่สำคัญตังสินดันนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เมียน้อยฟัง
ด้วยความไว้ใจ ไม่คิดว่าเมียน้อยจะมีกิ๊กเป็นบ่าวในบ้าน
ความลับเหล่านี้จึงรั่ว

เหตุหายนะทั้งหมดจึงมาจากตังสิน
นักปฎิวัติผู้ไร้เดียงสา

สำหรับนักบริหารแล้วความเป็นมืออาชีพเป็นเรื่องสำคัญ
ต่อให้คุณเป็นผู้นำตามสถานการณ์ (Situational Leadership)
แบบตังสินหรือพวกสถานการณ์พาไปให้ต้องเป็นผู้นำ
สิ่งสำคัญคือคุณต้องดำรงความเป็นมืออาชีพเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

เนื่องจากผู้นำประเภทนี้ไม่มีตำแหน่ง เหมือนผู้จัดการ ผู้อำนวยการ ฯลฯ
แต่เป็นผู้นำที่ได้รับการมอบหมาย ให้ต้องนำทีม
การสร้างความน่าเชื่อถือ
หรือการสร้างการยอมรับจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
เพราะสมาชิกในทีมส่วนใหญ่จะเป็นผู้ร่วมงานที่มีตำแหน่งเท่ากัน
ทำให้คุณไม่สามารถสั่งใครได
จะทำได้ก็คือการขอความร่วมมือจากทีม
และหากเขาไม่ร่วมมือคุณเองก็ทำอะไรไม่ได้

ฉะนั้นผู้นำแบบนี้จะต้องมีภาวะผู้นำที่สูงมาก
เพราะต้องสามารถสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนรวมพลังกันเป็นที
ในการที่จะนำพาทีมไปสู่เป้าหมาย

เวลาทำงานจริง ห้ามสั่งอย่างเดียว
ต้องทำให้ทุกคนเห็น
เพราะคนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อในสิ่งที่สั่ง
แต่เขาจะเชื่อเมื่อคุณทำให้ดู

ธรรมชาติของมนุษย์มักจะบอกในสิ่งที่ตนไม่เคยทำว่ายากหรือเป็นไปไม่ได้
ทว่าสำหรับผู้นำคือผู้รวมพลังของทีมในการพิชิตอุปสรรค
คุณต้องทำในสิ่งที่ "เป็นไปไม่ได้" ให้ " ป็นไปได้"
ฉะนั้นงานที่ยาก ในทีมบอกทำไม่ได้
คุณต้องทำเป็นตัวอย่างให้เขาเห็นเพื่อให้เขาเชื่อว่ามันทำได้

ความไว้วางใจก็เป็นสิ่งสำคั
ที่ไม่ควรมองข้ามเพราะหากผู้นำไม่ไว้ใจหรือเชื่อมันในศักยภาพของทีม
โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีน้อยงลงไป
เพราะขนาดผู้นำยังไม่มั่นใจ
แล้วสมาชิกในทีมจะมั่นใจหรือเชื่อใจกันเองหรอ
ฉะนั้นในฐานะผู้นำตามสถานการณ์ หรือผู้นำเฉพาะกิจ
จึงไม่ใช่งานกล้วยๆหรือง่าย
หลายองค์กรก่อนจะเลื่อนพนักงานขึ้นเป็นหัวหน้างาน
จึงต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบนี้เสียก่อน
แล้วคุณล่ะพร้อมที่จะเติบโตหรือยัง

ขอบคุณข้อมูลจาก อ.เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป ผู้เชี่ยวชาญสามก๊ก