ความพ่ายแพ้ของผู้นำในสามก๊ก : ปิดฉากชีวิตซุนเกี๋ยน

บทที่ 7
ปิดฉากชีวิตซุนเกี๋ยน
ความพ่ายแพ้ของผู้ชนะ


การได้ครอบครองตราพระราชลัญจกรหรือตราหยกแผ่นดิน
กลายเป็นชนวนแค้นระหว่างเมืองเกงจิ๋วและกังตั๋งอย่างรุนแรง
ซุนเกี๋ยนผูกใจเจ็บคิดอยากล้างแค้นเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว

กระทั่งวันหนึ่ง
อ้วนสุดส่งจดหมายยุให้ซุนเกี๋ยนเคลื่อนทัพตีเล่าเปียว
(เนื่องจากอ้วนสุดส่งหนังสือขอเสบียงจากเล่าเปียว
ทว่าเล่าเปียวปฎิเสธทำให้อ้วนสุดโกรธมากจึงหาทางสั่งสอนเล่าเปียว)

ในจดหมายมีใจความดังนี้ เล่าเปียวรับคำสั่งจากอ้วนเสี้ยวให้เข้ายกทัพดักสกัดทัพของท่าน
ทำให้กองทัพของท่านถูกทำลายสร้างความอัปยศอย่างมาก
หากท่านต้องการล้างแค้น เราจะยกทัพลุยกับอ้วนเสี้ยว
ส่วนท่านก็ยกทัพยึดเกงจิ๋วให้หมด
เพียงเท่านี้แค้นของซุนเกี๋ยนก็ได้รับการชำระ

แม้เหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองจะคัดค้านแผนการบ้าๆของอ้วนสุด
ทว่าซุนเกี๋ยนบอกเป็นโอกาส
เข้าทำนอง
"รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก"
เพราะถึงอย่างไรมีแค้นต้องชำระ

ด้วยเหตุนี้ซุนเกี๋ยนจึงจัดทัพออกศึก
บุกกังแฮ เมืองหน้าด่านของเมืองเกงจิ๋ว
และกุมตัวหองจอ เจ้าเมืองอย่างรวดเร็ว

การปราบหองจอในครั้งนี้
ยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้กับซุนเกี๋ยนอย่างมากมาย
ด้านเล่าเปียวเมื่อทราบว่าหองจอ ทหารเอกของเขาพ่ายแพ้
จึงส่งนายพลชัวมอ ออกศึก
ด้วยความเป็นเสือสนามซ้อมแต่เป็นไอ้เหมียวสนามจริง
ทำให้ชัวมอพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
ซุนเกี๋ยนยิ่งฮึกเหิมมากขึ้น
เคลื่อนทัพล้อมเมืองเกงจิ๋ว

เล่าเปียวจึงตัดสินใจขอให้อ้วนเสี้ยวยกทัพมาช่วยคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้
ลีก๋ง ขุนพลคนหนึ่งขออาสาทำการ
เก๊งเหลียงที่ปรึกษาเล่าเปียว จึงเสนอแผนว่า

"เราจะจัดทหารถือเกาทัณฑ์ห้าร้อยตามท่านไป เมื่อรบหักฝ่าวงล้อมไปแล้วให้จัดทหารเกาทัณฑ์สองร้อยแบ่งเป็นสองกอง
ให้ซุ่มอยู่ในป่าท้ายเขาฮีสันกองหนึ่ง
และให้ซุ่มอยู่ที่เนินเขาฮีสันอีกกองหนึ่ง ให้เตรียมก้อนศิลาไว้ให้พร้อม ซุนเกี๋ยนคงจะยกตามตีท่านไป ให้ตัวท่านกับทหารสามร้อยแกล้งถอยไปทางเขาฮีสัน ถึงจุดซุ่มระหว่างเนินเขาและป่าท้ายเขาฮีสันเมื่อใด ให้จุดพลุสัญญาณใหญ่ขึ้นสามนัด ให้พลเกาทัณฑ์ระดมยิงซุนเกี๋ยน ฝ่ายเราก็จะยกตีกระหนาบเข้าไป ซุนเกี๋ยนก็คงรอดยาก
แต่ถ้าซุนเกี๋ยนไม่ติดตาม ขอให้ท่านรีบเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน รีบไปให้ถึงอ้วนเสี้ยวโดยเร็ว"

ลีก๋งได้ฟังแผนก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
รีบออกไปเตรียมพลธนู
เมื่อถึงเวลาจึงเปิดประตูเมืองด้านตะวันออก
รีบนำกองกำลังเล็กๆของตน
ควบม้าอย่างเร็วไปที่เขาฮีสันตามที่วางแผนไว้

ฝ่ายซุนเกี๋ยนเมื่อรู้ว่ามีหน่วยทหารเล็กๆหนีออกไปได้
จึงรีบขึ้นม้าถือง้าวพาทหารสามสิบคนเร่งตามอย่างรวดเร็ว
พอลีก๋งเห็นซุนเกี๋ยนมาถึงจุดมรณะ
จึงพลุสัญญาณขึ้นสามนัด กองพลธนูซุ่มที่อยู่บนเนินเขาฮีสันและที่อยู่ในป่าเชิงเขาฮีสันก็ทิ้งศิลา
และยิงเกาทัณฑ์ลงมา
คงไม่ต้องบอกว่าสภาพซุนเกี๋ยนจะเป็นเช่นไร
แต่เป็นอันว่าชีวิตของผู้นำอันห้าวหาญ
ก็ปิดฉากมรณกรรมที่นี่ด้วยวัยเพียง 37 ปี

ซุนวู เจ้าของพิชัยสงครามซุนวู
ได้เตือนเอาไว้ในพิชัยสงครามของเขาในเรื่องความพ่ายแพ้ของผู้ชนะ
เพราะผู้ชนะส่วนใหญ่จะลำพองกับชัยชนะ
ยิ่งชนะมากก็ยิ่งประมาทเยอะ

ซุนเกี๋ยนก็เช่นกัน
ทั้งที่เขาเป็นผู้นำระดับชั้นแนวหน้าของยุคนั้นก็ว่าได้
ภาวะผู้นำของเขาไม่ด้อยกว่าโจโฉ
และดูดีกว่าสองพี่น้องตระกูลอ้วน
แต่เพราะความประมาทจึงทำให้ชัยชนะที่สร้างเอาไว้สูญสลาย
และจบชีวิตไปก่อนวัยอันควร

เรื่องราวของผู้นำอย่างซุนเกี๋ยน
ให้บทเรียนกับเราอย่างมากมาย
โดยเฉพาะเรื่องความพ่ายแพ้ของผู้ชนะ
ที่ผู้นำและผู้บริหารจำนวนมากมองข้าม
เพราะคิดว่าตนเองเก่ง

แต่พวกเขาลืมไปว่าชัยชนะในอดีต
ไม่ใช่เครื่องการันตีความสำเร็จในปัจจุบัน
การยึดติดคือการก่ออัตตา ตัวกู ของกู
เมื่อสิ่งนี้มากขึ้นก็ยิ่งมั่นใจในตนเอง
จนนำไปสู่ความประมาท

ในชีวิตจริงใครที่ได้เจ้านายแบบนี้ต้องทำใจครับ
เพราะคนเหล่านี้จะดื้อมาก
และหากเขาไม่ถามคุณอย่าเสนอ
เพราะเขาเชื่อมั่นในวิธีคิดของตนเอง
การเสนอความเห็นที่ถูกต้อง
แต่ไปทัดทานความคิดของเขาแบบตรงๆ
อาจทำให้เขาไม่ชอบคุณและกลายเป็นอคติส่วนบุคคล

ฉะนั้นต้องปล่อยให้เขาพบกับความล้มเหลว
หรือผิดพลาดเพื่อเป็นบทเรียนชุดใหม่
เมื่อผิดหวังเขาจะหาเพื่อนหรือที่ปรึกษา
ซึ่งนั่นเป็นจังหวะดีที่คุณจะเสนอความเห็น

แต่ถ้าเขายังทำตัวเหมือนเดิม
อันนี้คุณต้องตัดสินใจเองแล้วว่า
คุณจะอยู่กับคนแบบนี้ต่อ
หรือจะไปหาเจ้านายคนใหม่

ขอบคุณข้อมูลจาก อ.เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป ผู้เชี่ยวชาญสามก๊ก