ความพ่ายแพ้ของผู้นำในสามก๊ก : ความย่อยยับของซุนเกี๋ยน

บทเรียนความพ่ายแพ้ของผู้นำในสามก๊ก

บทที่ 2
ความย่อยยับของซุนเกี๋ยน
เมื่อผู้นำทำดีแล้วไม่ได้ดี


"ทำดีได้แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
เพราะไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน"


ช่างเป็นอะไรที่สอดคล้องกับซุนเกี๋ยนพยัคฆ์ร้ายแห่งเตียงสาเหลือเกิน
ซุนเกี๋ยนคือ 1 ใน 18 ขุนศึกที่ร่วมกันถือสัตยาบันโค่นล้มทรราชย์ตั๋งโต๊ะ
อ้วนเสี้ยว คือ แม่ทัพใหญ่
โจโฉ คือเสนาธิการ
อ้วนสุดเป็น พลาธิการดูแลเรื่องเสบียง
ซุนเกี๋ยนคือ แม่ทัพหน้า

ทุกคนมีหน้าที่ที่ชัดเจนครับ ซุนเกี๋ยนทำหน้าที่ได้ดีมาก
สามารถสังหารขุนพลฝ่ายศัตรู
และล้อมด่านศัตรูได้แล้ว อีกไม่กี่วันก็เผด็จศึกได้

ทว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง
กองทัพของซุนเกี๋ยนเสบียงหมด
จึงขอให้อ้วนสุดส่งเสบียงให้
แต่อ้วนสุดไปฟังคำที่ปรึกษาว่า
"ตั๋งโต๊ะเปรียบเสมือนหมาป่า
ซุนเกี๋ยนมันพยัคฆ์หากเข้าพระนครลกเอี๋ยงได้
เท่ากับเรากำจัดหมาป่าแล้วเอาพยัคฆ์เข้าเมือง"

คุณผู้อ่านครับ คำยุบัดซบแบบนี้ไม่น่าจะฟังขึ้น
แต่อ้วนสุดก็เชื่อ ตัดสินใจไม่ส่งเสบียงให้ซุนเกี๋ยน
ปล่อยให้กองทัพของพยัคฆ์แห่งเตียงสากลายเป็นกองทัพพยัคฆ์หิวโซ

ผ่านไปหลายวัน ทหารในกองทัพก็หมดแรง
ฝ่ายข้าศึกเห็นสภาพทหารของซุนเกี๋ยนจะเดินยังไร้เรี่ยวแรง
จึงถือโอกาสบุกเข้าตียามวิกาล

ทหารกล้าพลีชีพไปเกินครึ่ง
แม้กระทั่งซุนเกี๋ยนยังแทบเอาตัวไม่รอด

คุณผู้อ่านครับ นี่แหละคือผู้นำที่ทำงานดีมีประสิทธิภาพ
แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีเพื่อนร่วมงานอิจฉาตาร้อน
คอยปัดแข้งปัดขา ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะสกัดดาวรุ่ง
ไม่ให้สร้างผลงานโดยลืมไปว่า
ผลงานของเขาก็คือผลประโยชน์ขององค์กร

ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า
ทำไมคนอย่างอ้วนสุดมันถึงมีเยอะมากในสังคมไทย
ทั้งที่เหตุการณ์มันผ่านมานานนับพันปี
เผ่าแมลงสาบตาแดง (พวกน่ารังเกียจที่ชอบริษยาคนอื่น)
ควรสูญพันธุ์ไปนานแล้ว
แต่กลับมาฝังตัวอยู่ในองค์กร
คอยถ่วงความเจริญ ไม่ให้คนอื่นสร้างผลงาน

ผู้นำดี ๆ แบบซุนเกี๋ยนจึงต้องรับกรรม
จากความริษยาห่วยแตกของเหล่าแมลงสาบตาแดง
ฉะนั้นศัตรูที่น่ากลัวจึงไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม
ทว่ากลับเป็นพวกเดียวกัน
ฉะนั้นผู้นำควรระวังเหล่าแมลงสาบตาแดงให้ดีนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก อ.เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป ผู้เชี่ยวชาญสามก๊ก